6 ข้อควรรู้ก่อนเรียนฮวงจุ้ย เพื่อลดความผิดพลาดเมื่อนำมาใช้จริง

ศาสตร์แห่งฮวงจุ้ย คือ การปรับสมดุลของสภาพแวดล้อมให้เข้ากับสิ่งก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักอาศัย, ธุรกิจรีสอร์ท, โรงแรม หรือสถานที่ทำงาน เพื่อให้เกิดทิศทางที่ถูกต้อง สามารถนำพาพลังงานที่ดีเข้ามา พร้อมปัดเป่าพลังงานร้าย และช่วยเสริมโชคให้มากขึ้น ดังนั้นจึงทำให้คนที่สนใจในศาสตร์นี้ต้องการเรียนฮวงจุ้ยกันมากขึ้น เพราะเป็นศาสตร์ที่ช่วยทำให้การใช้ชีวิตมีพลังและสร้างประโยชน์ต่อผู้คนได้ และก่อนที่คุณจะเรียนฮวงจุ้ยอย่างจริงจัง ลองมาดู 6 ข้อควรรู้ก่อนเรียนรู้ฮวงจุ้ย เพื่อลดความผิดพลาดเมื่อนำมาใช้จริง ดังนี้

1.ระบบวิชาฮวงจุ้ย

ปัจจุบันวิชาฮวงจุ้ยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 สายหลักด้วยกัน ได้แก่ สายรูปลักษณ์และสายพลังงาน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1.1. สายรูปลักษณ์

เน้นที่การดูชัยภูมิโดยรอบ รูปทรงที่ดิน รูปทรงอาคาร การจัดวางองค์ประกอบในที่ดิน และองค์ประกอบทั้งภายในกับภายนอกอาคาร

1.2. สายพลังงาน

เน้นที่การดูพลังงานของอาคาร ซึ่งต้องมีการวัดองศาของอาคารแล้วนำมาคำนวณ เพื่อหาพลังงานที่เกิดขึ้นกับอาคารและที่ดินนั้นๆ โดยสายพลังงานพอจะแบ่งออกได้คร่าวๆ เป็นอีก 4 กลุ่ม ดังนี้

  • สายซานเหอ เน้นใช้ 12 การก่อเกิดที่ส่งผลกับตัวอาคาร บางครั้งก็ใช้ 72 มังกรหรือ 72 ภูเขาเข้าร่วมในการคำนวณ ซึ่งบางส่วนนั้นจะต้องมีการตรวจดวงชะตาของเจ้าบ้านและบริวารด้วย เพื่อหาธาตุสำคัญมาช่วยในการวางบ้านให้ถูกทิศทาง
  • สายซานหยวน เน้นการคำนวณดาวเขา-ดาวน้ำ เพื่อหาตำแหน่งดี-ร้าย บางครั้งใช้หลักวิชา 64 กว้าของ “อี้จิง” เข้าร่วมในการประเมินพลังของอาคาร เพื่อนำมาใช้ในการจัดวางบ้าน ในบางกรณีจะมีการคำนวณดวงชะตาของเจ้าบ้านและบริวารเพื่อหาความสอดคล้องระหว่างพลังของบ้านกับผู้อยู่อาศัย
  • สายจงฮะ เน้นไปที่การใช้งานแบบผสมผสานของสายซานเหอกับสายซานหยวน
  • สาย 8 ทิศ เน้นที่การจัดบ้านตามผัง 8 ทิศ ที่ตำแหน่งดี-ร้าย แปรเปลี่ยนตาม 24 ภูเขาและความสอดคล้องกับปีเกิดของผู้อยู่อาศัย

นอกจากทั้ง 4 กลุ่มใหญ่ดังที่กล่าวมาแล้ว ยังมีบางสายใช้วิชา “ฉีเหมินตุ้นเจี่ย” ในการวางบ้านหรืออาคารอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ในบางประเทศ เช่น ไต้หวันหรือฮ่องกงนั้นก็มีการแก้ฮวงจุ้ยด้วยการแปะยันต์ เผายันต์ และวางของ เพื่อเปลี่ยนแปลงพลังงานในอาคารนั้นๆ

2.ฮวงจุ้ยเชื่อมโยงกับวัฒนธรรม

ฮวงจุ้ยเป็นหลักทางธรรมชาติ ที่มีมาแต่เดิมและถูกพัฒนาให้เป็นรูปร่างที่ชัดเจน โดยท่านผู้รู้ในอดีตของแต่ละภูมิภาคและตามแต่ละเจตจำนงของท่านผู้รู้ ดังนั้นวิชาฮวงจุ้ยจึงมีหลายสายและหลายระบบที่สามารถใช้งานได้ พร้อมตกทอดมาถึงปัจจุบัน ซึ่งวิชาฮวงจุ้ยส่วนใหญ่ที่แพร่หลายนั้นถูกพัฒนาและเรียบเรียงขึ้นในประเทศจีน ที่มีสภาพภูมิประเทศและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ มีลักษณะเฉพาะของประเทศจีนที่แตกต่างจากประเทศอื่นๆ แต่ก็ยังสามารถนำวิชาฮวงจุ้ยมาประยุกต์ใช้ให้เกิดผลอย่างยิ่งยวดได้เช่นเดียวกัน

3.เรียนรู้ดวงจีน

การเรียนดวงจีนนั้นเป็นการเรียนเพื่อตรวจสอบความดี-ร้ายของดวงชะตาแต่ละบุคคล ถ้าศึกษาและฝึกฝนจนชำนาญแล้วย่อมสามารถดูเคราะห์ดี-ร้ายในแต่ละวันได้ หรือนำมาใช้เป็นไกด์ไลน์ในการดำเนินชีวิตได้เช่นกัน ซึ่งดวงจีนก็มีหลายสายให้ศึกษาและแต่ละสายก็มีจุดเด่น-จุดด้อยเหมือนกับฮวงจุ้ย ถ้าเรียนฮวงจุ้ยสาย “ซานเหอ” การเรียนดวงจีนเพื่ออ่านดวง-คำนวณธาตุจะถือว่าเป็นพื้นฐานที่จำเป็น แต่ถ้าเรียนฮวงจุ้ยสาย “ซานหยวน” หรือการใช้ “ฉีเหมิน” วางฮวงจุ้ย การเรียนรู้ดวงจีนเพื่อให้รู้ถึงคุณลักษณะของ 10 ราศีบนและ 12 ราศีล่าง ตลอดจน 8 กว้า หรือ 64 กว้า จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญมากเลยทีเดียว

4.เน้นการปรับสมดุล

การจัดบ้านหรือการจัดสถานที่ทำงานให้ตรงตามหลักฮวงจุ้ย จะเน้นเรื่องความสมดุลของธาตุเป็นหลัก เมื่อคุณต้องเรียนฮวงจุ้ยคุณจึงควรใส่ใจและเข้าใจต่อเรื่องนี้ให้มาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของธาตุในตัวมนุษย์และเรื่องของพลังธรรมชาติในด้านต่างๆ เมื่อนำมาใช้จริงแล้วจำเป็นที่จะต้องทำให้ระบบของฟ้า ดิน น้ำ ลมไฟ และทุกส่วนที่เป็นพลังธรรมชาติสมดุลกันให้ได้มากที่สุด เพื่อให้การอยู่อาศัยเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่ก่อให้เกิดปัญหาในอนาคต

5.สร้างประโยชน์

จุดประสงค์ของการเรียนฮวงจุ้ยมานั้น เราควรจะต้องมีเป้าหมายในการสร้างประโยชน์ให้กับผู้คน ไม่ควรเรียนมาเพียงแค่เล็กน้อยแล้วนำไปโอ้อวดผู้อื่น ไม่ควรนำไปหลอกลวงเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน เพราะจะทำให้ศาสตร์ของฮวงจุ้ยเกิดความเสียหาย การเรียนรู้ที่ไม่ลึกซึ้งพอนอกจากจะทำให้คุณไม่ช่วยสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือแล้ว อาจจะยังไปเพิ่มผลร้ายที่มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ที่สำคัญคือวิชาฮวงจุ้ยเป็นการปรับสมดุลทั้งสถานที่และการใช้ชีวิตของผู้คน เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับตัวเอง ไม่ใช่การเน้นในเรื่องของความร่ำรวยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

6.เรียนรู้ทั้งทักษะและตรรกะ

การเรียนรู้วิชาฮวงจุ้ย คุณจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ทั้งเรื่องของทักษะในการคำนวณ ทักษะการดูสถานที่ และอีกหลากหลายทักษะที่จะช่วยทำให้คุณมีความแม่นยำมากกว่าเดิม นอกจากนี้คุณยังต้องมีตรรกะหรือเหตุผลในการคิด วิเคราะห์ และแยกแยะ เพื่อทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นความจริงมากที่สุด เช่น ถ้าคำนวณออกมาไม่ดีก็ไม่จำเป็นต้องรื้อทิ้งแล้วสร้างใหม่เท่านั้น แต่ปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงการตกแต่ง การเพิ่มหรือการลดส่วนต่างๆ ในสิ่งก่อสร้างเพื่อให้ได้ผลที่ออกมาดีขึ้น เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นการนำทักษะดูฮวงจุ้ยไปช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยตรรกะที่เข้าใจเจ้าของบ้านหรือเจ้าของธุรกิจ เพื่อไม่ให้เสียเงินที่มากเกินความจำเป็น

ถ้าคุณต้องการเรียนฮวงจุ้ยแล้วได้ผลดี พร้อมนำไปสร้างประโยชน์ให้กับทั้งตัวคุณเองและผู้คนทั่วไป คุณควรรู้ทั้ง 6 ข้อนี้ไว้ก่อนการเรียนวิชาฮวงจุ้ยอย่างจริงจัง เพื่อทำให้คุณนำไปใช้ได้อย่างถูกทาง ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยจริง และลดความผิดพลาดได้มากยิ่งขึ้น

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.